ประวัติความเป็นมา ของ โคลด์ สโตน ครีมเมอรี่

ในปี 1988 บริษัทโคลด์ สโตนก่อตั้งชึ้นเป็นครั้งแรกโดยซูซานและโดนัล ซูเทอร์แลนด์ จากความพยายามคิดค้นไอศกรีมซึ่งไม่แข็งจนเกินไป หรืออ่อนนุ่มแบบไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ

ประกาศประชาสัมพันธ์ของโคลด์ สโตนได้บรรยายลักษณะไอศกรีมไว้ว่าเป็น“ไอศกรีมเนื้อนุ่มเนียนละเอียดระดับซูเปอร์พรีเมี่ยม” 

ชื่อโคลด์ สโตนได้มาจากหินแกรนิตแช่แข็ง ซึ่งทางร้านจะใช้เป็นแท่นผัดไอศกรีมหลากหลายรสชาติของทางร้านให้เข้ากันกับมิกซ์อิน เช่น ลูกกวาด, ถั่วชนิดต่างๆ เพื่อสรรค์สร้างไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ ร้านไอศกรีมโคลด์ สโตนเปิดตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในปีเดียวกันที่เมือง เทมเป รัฐอริโซนา ซึ่งในปัจจุบันสาขาดังกล่าวยังคงเปิดให้บริการอยู่ที่สถานที่เดิม ในปี 1995 โคลด์สโตนเปิดร้านแฟรนไชส์สาขาแรกในเมืองทูซอน ต่อมาไม่นาน ร้านไอศกรีมโคลด์สโตนก็เปิดตัวขึ้นอีกที่เมือง คามาริลโล รัฐแคลิฟอร์เนีย นับเป็นสาขาแรกที่เปิดนอกรัฐอริโซนา ปัจจุบันร้านไอศกรีมโคลด์ สโตนมีสาขาที่เปิดให้บริการอยู่เป็นจำนวน 1,400 สาขา และถือเป็นร้านไอศกรีมที่ขายดีที่สุดติดอันดับหกในสหรัฐอเมริกา และมีสาขาตั้งอยู่ในหลากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ ประเทศไทย บราซิล เปอร์โตริโก้ อินโดนีเซีย กวม จีน เม็กซิโก บาห์เรน อาหรับเอมิเรต ซาอุดิอาระเบีย ตรินิแดด โทบาโก กาตา ไนจีเรีย คูเวต และฟิลิปปินส์ในปี 2008 โคลด์ สโตนเปิดร้านสาขาแฟรนไชส์สาขาแรกในทวีปยุโรป ที่เมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ต่อมาในภายหลัง ร้านไอศกรีมอีกสามร้านก็ได้เปิดตัวขึ้นในเขตต่างๆของประเทศเดนมาร์ก นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม ปี 2006 นิตยสาร Entrepreneur ยังจัดให้บริษัทโคลด์ สโตนเป็นบริษัทแฟรนไชส์ที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในปี 2009 โคลด์ สโตนเปิดสาขาแรกในประเทศแคนาดา ที่เมืองมิสซิสซอก้า ออนโทริโอ ขณะที่ในปี 2011 อีกสองร้านได้เปิดตัวขึ้นที่สิงคโปร์ และตามมาด้วยสาขาที่สามในปี 2012 เดือนพฤษภาคม ปี 2007 บริษัทโคลด์ สโตน ครีมเมอรี่ได้รวมตัวกับ คาลาล่า คอร์ป เพื่อก่อตั้งบริษัท คาลาล่า-โคลด์ สโตน บริษัทซึ่งเมื่อนับโดยรวมแล้ว เป็นเจ้าของกรรมสิทธิแบรนด์สินค้าต่างๆทั้งสิ้น 13 แบรนด์ ดัก ดูเช่ อดีตประธานและซีอีโอ บริษัท โคลด์ สโตนครีมเมอรี่ได้ถูกเสนอชื่อ ให้เป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัท ขณะที่เควิน แบล็คเวล อดีตซีอีโอบริษัทคาลาล่าดำรงตำแหน่งประธานบอร์ด และกรรมการบริหารกลยุทธ์ ต่อมาในเดือนกันยายนปี 2007 ดูเช่ประกาศลาออก แบล็คเวลจึงขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอแต่นั้นมา

กลยุทธ์ Co-branding

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2009 บริษัทคาลาล่าซึ่งเป็นบริษัทแม่ของโคลด์ สโตน ครีมเมอรี่ได้ประกาศร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งก็คือร้านกาแฟสาขาเครือข่ายสัญชาติแคนาดา “ทิม ฮอร์ตันส์” ในการเปิดสาขาร่วมกันกว่า 100 สาขาในประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลังประสบความสำเร็จจากสาขาทดลองสองสาขาที่เมืองโรดไอร์แลนด์ กลยุทธ์การร่วมมือดังกล่าวอำนวยให้ร้านกาแฟทิม ฮอร์ตันส์ ได้บริหารจัดการสาขาในสหรัฐมากยิ่งขึ้น ขณะที่โคลด์ สโตนเองก็ได้โอกาสในการขยายสาขาออกไปยังประเทศแคนาดาร้านร่วมที่ถือว่าเป็นสาขาที่โดดเด่นมากที่สุดสาขาหนึ่งได้เปิดตัวขึ้นในเดือนสิงหาคมปี 2009 เมื่อร้านกาแฟทิม ฮอร์ตันส์ ผนึกรวมกันกับร้านไอศกรีมโคลด์ สโตนทั้งสามสาขาในรัฐนิวยอร์ค ซึ่งรวมไปถึงโคลด์ สโตนสาขาบุกเบิกที่ตั้งอยู่ในไทม์ สแควร์ด้วย เดือนมิถุนายนปี 2009 โคลด์ สโตนครีมเมอรี่เริ่มทำการทดสอบตลาดในประเทศแคนาดา โดยการเปิดร้านร่วมกับทิม ฮอร์ตันถึง 7 สาขาซึ่งจะตั้งอยู่ในเมือง โทรอนโต, โอ๊ควิลล์, มิสซิสซอกา, แฮมิลตัน, พิคเกอริ่ง, ซัดบิวรี่, ฮาลิแฟกซ์, และโนวาสโกเชีย ปัจจุบันพันธมิตรทางธุรกิจทั้งสองมีร้านที่เปิดร่วมกันในทุกจังหวัดทั่วประเทศแคนาดา เว้นเพียงแต่ นิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์การร่วมธุรกิจกับบริษัททิม ฮอร์ตันส์ ดำเนินต่อไปตามความมุ่งมั่นแรกเริ่มในปี 2007 และปี 2008 แต่สิ้นสุดลงในปี 2014 ในช่วงปลายปี 2007 แฟรนไชส์ร้านไอศกรีมโคลด์ สโตนในเมืองนิวยอร์ค ซิตี้ เริ่มจับมือกับคู่ค้าอีกรายซึ่งก็คือ ซุป คิทเช่น อินเตอร์เนชันเนล เพื่อเริ่มขายซุปในร้านโคลด์ สโตน และในปี 2008 บริษัทโคลด์ สโตนก็ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับ ร็อคกี้เมาน์เท่น ช็อกโกแลต แฟคทอรี่ ในการเปิด 7 สาขาที่เขตตะวันตกของสหรัฐ การร่วมมือในครั้งนี้ก็เพื่อให้การดึงดูดลูกค้าเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีประสบการณ์ในการจูงใจลูกค้าได้เพียงตามแต่ฤดูกาลเท่านั้น การผนึกกำลังของโคลด์ สโตน และร็อคกี้ เมาน์เท่น ช็อคโกแลต แฟคทอรี่ได้นำไปสู่ยอดขายที่ร้านร็อคกี้ เมาน์เท่า ช็อคโกแลต แฟคทอรี่ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละสัปดาห์

ใกล้เคียง

โคลด์วอเตอร์ (เพลง) โคลด์เพลย์ โคลด์ สโตน ครีมเมอรี่ โคลด์คัต โคลด์ (เพลงมารูนไฟฟ์) โคลด์เอนด์ โอลด์แทรฟฟอร์ด โคลว์การ์ด โฮลด์อิตอะเกนสต์มี โฮลด์มายแฮนด์ (เพลงไมเคิล แจ็กสัน และเอค่อน)